หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นทุกข์มากกับสามีจอมเจ้าชู้ของเธอ เธอพยายามทุกอย่างเพื่อให้สามีของเธอกลับตัวมาเป็นคนดีของครอบครัว แต่จนแล้วจนรอด
สามีของเธอก็ยังคงเจ้าชู้เหมือนเดิม และเริ่มหนักข้อขึ้นทุกวันๆ จากเคยไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน ก็กลายเป็นพาเข้าบ้าน ทำให้ผู้ที่เป็นภรรยาอย่างเธอ ต้องนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า
อยู่ทุกๆ คืน เธอเฝ้าคิดว่า อะไรหนอที่ทำให้เธอต้องมาเจอ เรื่องเลวร้ายเช่นนี้ ความทุกข์ของเธอทำให้เธอดูทรุดโทรมมาก จนทำให้เพื่อนบ้านเห็นถึงความผิดปกติ
วันหนึ่งหลังจากเธอไปจ่ายตลาด เพื่อนบ้านมาเจอเธอ และได้ถามถึงสาระทุกข์สุขดิบ ความที่เธอกำลังเศร้าหมอง จึงได้เอ่ยเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ให้เพื่อนบ้านฟัง
เมื่อเพื่อนบ้านได้ฟังเรื่องจนจบ ก็ได้เอ่ยชวนเธอเข้าวัด พร้อมกับชวนเธอไปปฏิบัตธรรม แต่เธอลังเล ขอแค่ตามไปดู ไม่ได้คิดจะไปปฏิบัตธรรม เมื่อถึงวันนัดหมาย
เธอก็ได้ตามเพื่อนบ้านคนนั้นไปที่วัด เพื่อนบ้านได้เล่าถึงเรื่องของแม่ชีที่วัดนี้ ว่าสามารถช่วยเธอให้พ้นทุกข์ได้ เธอได้แต่ทำท่างงๆ
เมื่อมาเจอแม่ชีคนที่เพื่อนบ้านเธอบอก เธอก็ไม่ลังเลรีบเอ่ยคำถามถามแม่ชีในทันทีว่า
"แม่ชีค่ะทำไมสามีของหนูเจ้าชู้มาก หนูพยายามทำทุกอย่างแล้ว แต่เขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ไม่เลิกเจ้าชู้เสียที หนูทุกข์ใจมากค่ะ"
แม่ชีมองหน้าเธอแล้วเอ่ยว่า
"มันเป็นกรรม หนูต้องรีบมานั่งวิปัสสนากรรมฐานนะ"
แล้วแม่ชีก็เริ่มเล่าเรื่องในอดีตชาติของเธอให้ฟัง เมื่อเธอได้ฟังแล้ว รู้แล้วว่าสามีของเธอ คือ เจ้ากรรมนายเวร ตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่เธอกับไม่สนใจที่จะมานั่งวิปัสสนากรรมฐาน
แถมยังบอกกับแม่ชืว่า
"ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง หนูจะตัดกรรมด้วยวิธีของหนูเอง"
แม่ชีนิ่ง และมองไปที่หน้าของเธอ พร้อมกับพูดว่า
"หนูตัดกรรมด้วยวิธีของหนูไม่ได้หรอกนะ" เธอไม่ฟังแต่อย่างใด และขอตัวกลับทันที
เมื่อมาถึงบ้าน เธอเห็นรองเท้าผู้หญิงอยู่หน้าบ้าน ก็รู้ได้ทันทีว่า สามีของเธอได้พาหญิงอื่นมาร่วมหลับนอนในบ้านอีกแล้ว เธอมุ่งมั่นว่า เธอต้องตัดกรรมให้ได้
เธอเดินเข้าไปหาสามีของเธอในห้อง ซึ่งเธอไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เมื่อสามีของเธอเห็น เขาก็รีบตวาด บอกให้เธอออกไปนอกห้อง เธอมือไม้สั่น
พร้อมกับตะโกนไล่สามีของเธอ และให้เก็บข้าวของออกจากบ้านไป สามีเธอตกใจมาก เพราะภรรยาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เขารีบมาจับมือเธอ
แต่เธอมุ่งมั่นที่จะตัดกรรมอย่างที่ตนคิด เธอจึงสะบัดมืออย่างแรง สามีเธอล้ม หัวไปฟาดเข้ากับสันเก้าอี้ และสลบไป เธอตกใจมาก
รีบพาสามีเข้าโรงพยาบาลทันที หนึ่งวันก็แล้ว สองวันก็แล้ว ห้าวันก็แล้ว สามีของเธอก็ยังไม่ฟื้น เธอเริ่มโศกเศร้า และร้องไห้ทุกครั้งที่มาเยี่ยมสามี
เธอต้องคอยดูแลสามีของเธอทุกวัน เวลาผ่านไปร่วมครึ่งเดือน เธอนึกได้ถึงคำของแม่ชี เธอจึงตัดสินใจ กลับไปหาแม่ชีอีกครั้ง
เมื่อเธอมาพบแม่ชี และบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้แม่ชีฟัง แม่ชีพูดแต่เพียงว่า
"มันเป็นกรรม หนูหนีกรรมไม่พ้น แม่ชีบอกแล้วว่า หนูต้องมาปฏิบัตธรรม โดยการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน"
เธอนั่งฟังสักพัก ก็เอ่ยถามแม่ชีว่า
"การนั่งวิปัสสนากรรมฐาน จะทำให้หายจากกรรมในอดีตชาติของหนูได้อย่างไร ในเมื่อมันก็เป็นเพียงการนั่ง"
แม่ชียิ้มและเอ่ยขึ้นว่า
"เวลาหนูโดนมดกัด มดมันมีพิษ มันเป็นตุ่มคัน หนูก็เกา เกาไม่หาย หนูก็เอายาทา แล้วยาที่หนูทา หนูเคยสงสัยไหม ว่ามันทำมาจากอะไร มันผสมอะไร
ทาแล้วทำไมถึงหาย แล้วถ้าหนูแพ้มาก ยังไม่หายคัน หนูก็ต้องทานยาแก้แพ้ แล้วยาที่หนูทานเข้าไป หนูเคยสงสัยก่อนทานไหม ว่ามันทำมาจากอะไร ผสมสารอะไร
ทำไมถึงทานแล้วหาย หนูก็ไม่เคยสงสัย เป็นก็ใช้เลย แต่หนูรู้ รู้ว่าหนูต้องใช้มัน แล้วหนูรู้ได้อย่างไร ว่าต้องใช้ของพวกนี้ ก็เพราะว่ามีคนเขาศึกษา
มีคนเขาบอกมามีคนเขาได้ทดลอง ว่าใช้ทาใช้ทาน แล้วมันหาย
ก็ไม่ต่างอะไรกับการ สวดมนต์ ภวานา หรือ นั่งวิปัสสนากรรมฐาน หากเป็นโรคของกรรม แก้ไขยังงัยก็ไม่หาย ก็ลอง นั่งสวดมนต์ภาวานาดู
แต่ถ้ายังไม่หาย อาจเป็นกรรมหนัก เราก็มาปฎิบัตธรรมโดยการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน มีคนได้ทดลองได้ศึกษาได้กระทำ แล้วมันหายจากโรคกรรม
ฉะไหน เรายังต้องสงสัยด้วยล่ะ จริงไหมโยม แต่ถ้าเราไม่ลองจะได้รู้ถึงผลของมันหรือ ..."
|