|
ถ้าให้เลือกระหว่าง ซิตี้ กับ แจ๊ซ ของค่าย ฮอนด้า จะเลือกซื้อรถรุ่นไหนซึ่งคำตอบส่วนใหญ่ที่ได้มาก็คือเลือกแจ๊ซ โดยให้เหตุผลเรื่องประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก แต่เมื่อขอตัวเลขยอดขายรถทั้ง 2 รุ่นในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาดูกลับพบว่า คนทั่ว ๆ ไปตัดสินใจเลือกซื้อ Honda City มากกว่า Honda Jazz ถึงเท่าตัวโดย ซิตี้ มียอดขายเท่ากับ 24,098 คัน ในขณะที่แจ๊ซมียอดขายแค่ 12,304 คัน
อะไรที่ทำให้ยอดขายซิตี้ สูงกว่าแจ๊ซ ถึงขนาดนั้น ?
เท่าที่จำได้ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นซิตี้ด้วยตาตัวเองก็คือ “สวย” โดยเฉพาะเมื่อมองจากทางด้านหน้า และข้างตัวรถ ประตูที่เปิดได้มุมกว้างมากจึงเข้าออกได้ง่าย ภายในห้องโดยสารที่ใช้โทนสีเข้มทำให้รู้สึกอึดอัด แต่พอเมื่อได้เข้าไปลองนั่งดูกลับมีพื้นที่กว้างขวางกว่าที่คิดไว้ ตำแหน่งของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ต่างหยิบจับได้ถนัดมือ ตัวเบาะคู่หน้านั่งสบาย เบาะหลังปรับเอนลงได้ด้วย มุมมองโดยรอบเห็นได้ชัดเจน จะมีจุดให้ติบ้างก็คือ ห้องเก็บของท้ายรถแม้จะลึก และจุของได้มาก แต่เพราะลักษณะของโคมไฟท้ายที่ไม่ได้เป็นแบบแยก 2 ชิ้นเหมือนซิตี้รุ่นก่อน เลยทำให้ปากทางของช่องเก็บของคับแคบ แถมการยกของขึ้นลงไม่สะดวก เพราะขอบล่างของฝาท้าย อยู่ในตำแหน่งที่สูง
สำหรับแจ๊ซนั้น ตอนแรกดูชินตา เพราะรูปโฉมยังไม่มีอะไรที่ฉีกแนวไปจากเดิม เท่าไร แต่เพราะมิติของตัวรถที่ใหญ่ขึ้น กับส่วนหน้าที่สั้น และใช้กระจกบังลมหน้า ขนาดใหญ่ จึงทำให้แจ๊ซมีทัศนวิสัยขณะขับขี่ที่ดีกว่าซิตี้มาก ส่วนการตกแต่ง และความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารนั้น เหมือนๆ กัน และถ้าชอบรถที่จุของได้เยอะแล้วละก็ เบาะหลัง และห้องเก็บของท้ายรถที่ปรับเพิ่มขนาดพื้นที่ได้ของแจ๊ซ สามารถตอบ สนองเรื่องนี้ได้เหนือกว่าซิตี้แน่นอน
ในด้านของสมรรถนะ รถ 2 รุ่นนี้ ใช้เครื่องยนต์ เกียร์ และเฟืองท้ายเหมือนกัน ทำให้มีสมรรถนะที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน คือช่วงขับในเมืองรถทั้ง 2 รุ่นมีการตอบสนองขณะเร่งออกตัวได้อย่างว่องไวน่าพอใจ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ราบเรียบ การเก็บเสียงในห้องโดยสารเงียบดี น้ำหนักพวงมาลัยเบา และแม่นยำ แต่แจ๊ซจะได้เปรียบซิตี้ เวลากลับรถเพราะมีวงเลี้ยวที่ แคบกว่า 10 ซม.
ส่วนอัตราเร่งของเครื่องยนต์ ยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ รู้สึกสนุกจนถึงความเร็ว 150 กม./ชม. อัตราเร่งจึงเริ่มตกลงบ้าง แต่ก็ยังสามารถไต่ความเร็วขึ้นไปได้เรื่อย ๆ เรื่องการทรงตัว ถ้าเทียบกันแล้ว ซิตี้ซึ่งฐานล้อที่ยาวกว่าแจ๊ซ 5 มม. และมีความสูงของตัวรถน้อยกว่าแจ๊ซ 55 มม. จะมีการโยนตัวขณะเข้าโค้งที่น้อยกว่า จึงให้ความรู้สึกมั่นคงกว่า สำหรับอัตราการกินน้ำมันโดยเฉลี่ยแล้ว ใกล้กันมากครับโดยซิตี้จะอยู่ที่ 13.8 กม./ลิตร ในขณะที่แจ๊ซดีกว่านิด ๆ คือ 13.2 กม./ลิตร
สำหรับการทำงานของระบบเบรก ซึ่งความสูงของแจ๊ซยังส่งผลให้มันมีอาการโคลงอยู่บ้าง เมื่อเทียบกับซิตี้ แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เสียการทรงตัว ระยะเบรกของทั้ง 2 รุ่นยังอยู่ในช่วงที่ปลอดภัย และแม้จะเหยียบแรงๆ ก็ยังควบคุมทิศทางรถ เพื่อหลบสิ่งกีดขวางได้
โดยรวมแล้วตามความเห็นของผม สาเหตุ ซิตี้ที่ขายดีกว่าแจ๊ซนั้น ก็คงจะเป็นเพราะคนส่วนใหญ่จะชอบหน้าตา ที่สวยหรูดูดี มากกว่าเรื่องของประโยชน์ใช้สอย แถมราคาเฉลี่ยแล้ว ค่าตัวซิตี้ก็ยังถูกกว่าแจ๊ซ อีกด้วย
เดลินิวส์ยานยนตร์ |
|