เมื่อกายภาพบำบัด เอาชนะ ออฟฟิศซินโดรม |
||
ในทางของ ธรรมชาติบำบัด อาจกล่าวว่าอาการเจ็บปวดทั้งหลายที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นที่เกิดขึ้นกับร่างกายคนเรา เป็นสัญญาณเตือนอย่างดีของร่างกาย ที่จะบอกให้เรารู้ว่า ร่างกายเรานั้นเริ่มมีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว จะมากจะน้อยหากมีอาการก็ควรหันกลับมาดูแลตัวเองแล้ว สังเกตว่าคนที่ไม่ฟังเสียงของร่างกายก็มักจะมีโรคภัยรุนแรงเกิดขึ้นเสมอ อย่าอดทนกับอาการต่างๆ ที่ไม่ควรจะทน เพราะมันอาจเป็นความเสี่ยงทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้ แต่ในทางตรงกันข้ามหากกล้ามเนื้อถูกใช้งานหนัก หดเกร็ง หรือรั้ง มากกว่าปกติ อันเนื่องมาจากท่าทางที่ไม่ถูกต้อง จากการอยู่ในอิริยาบถที่ต่อเนื่องและซ้ำๆ กันเป็นเวลานานๆ ในแต่ละวัน สะสมเป็นเดือน เป็นปีจนกลายเป็นพังผืด กล้ามเนื้อ ขาดความยืดหยุ่น การไหลเวียนของเลือดก็ถูกจำกัดไปด้วย ของเสียที่เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อก็คั่งค้างอยู่ เลือดก็ไม่ไหลเวียนไปยังกล้ามเนื้อ จนทำให้เกิดการปวดเมื่อยขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณบอกเราให้รู้ว่า กล้ามเนื้อของเรา ไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ตาม เรามักจะละเลยอาการของร่างกายที่คอยบอกเรา ส่วนใหญ่แล้วก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอาแค่อาการให้หาย แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ ทำให้อาการเหล่านี้กลับมาเรื่อยๆ ไม่มีทางหายขาด สะสมนานเข้าก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบอื่น กล้ามเนื้อเกือบทุกมัดที่มีปัญหา จะเกาะตามแนวยาวของกระดูกสันหลัง เพราะฉะนั้นหากกล้ามเนื้อเกร็งมากๆ ก็จะทำให้เกิด กระดูกสันหลังผิดรูป หรือ หมอนรองกระดูกเคลื่อน ซึ่งเป็นต้นเหตุใหญ่ของโรคร้ายแรงต่างๆ เพราะในกระดูกสันหลัง มีไขสันหลัง และหลอดเลือดต่างๆ จึงมีผลต่อระบบร่างกายทั้งหมด "ยกตัวอย่างเช่น ในคนที่ชอบนั่งไขว้ห้าง จะทำให้ก้นสองข้างลงน้ำหนักไม่เท่ากัน กระดูกสันหลังคด หากคดในระดับอกก็จะทำให้การหายใจได้ไม่สะดวก ปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ หัวใจก็ต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดให้พอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด โรคความดันโลหิตสูง ได้ เสี่ยงต่อ ไขมันอุดตันในหลอดเลือดสมอง และอาจถึงขั้นเป็น อัมพฤกษ์ อัมพาตได้ง่ายๆ ทำให้สูญเสียคุณภาพชีวิต และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ในที่สุด" "หากสามารถที่จะทำได้ก็ควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ หากยังไม่มีเวลา เพื่อเป็นการบรรเทาอาการปวดเมื่อยเบื้องต้นก่อนนอนแนะนำให้ใช้ความร้อนในการประคบบริเวณที่มีอาการปวด หรือใช้มือกดคลายเบาๆ ด้วยตัวเอง เช่นปวดบ่าปวดคอก็ใช้มือกดๆ คลึงๆ ให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลายบ้าง หรือหากปวดคอ-บ่า ลองเอียงคอไปด้านซ้าย/ขวาอย่างช้าๆ จนรู้สึกตึงมาก ต้องพยายามให้การเคลื่อนไปเฉพาะคอ ลำตัวอยู่นิ่ง บ่าตรงไม่เอียงไปด้วยจะทำให้กล้ามเนื้อตึงและผ่อนคลาย ควรทำอย่างช้าๆ ควรหลีกเลี่ยงการก้ม หรือเงยคอมากๆ เพราะเสี่ยงต่อกระดูกระดับคอ ฯลฯ ถ้าอาการปวดเมื่อยเป็นปัญหาต่อการชีวิตประจำวันแล้ว มีผลต่อจิตใจทำให้เกิดความรำคาญ ปวดร้าวขึ้นศีรษะ หรือ ชาแล้ว ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบกระดูกกล้ามเนื้อโดยตรงจะดีที่สุด เพราะปัญหาเล็กน้อยๆนี้ จะได้ไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคภัยไข้เจ็บที่รุนแรงภายในอนาคตได้" สถาบันปรับโครงสร้างร่างกาย อริยะ (Ariya Wellness Center) กล่าว อย่างไรก็ดี ต้องดีกว่าแน่นอน หากเราป้องกันตัวเองไว้ ดีกว่าต้องรอถึงวันที่ร่างกายไม่ไหว ต้องนอนให้คนอื่นช่วยเข็น ดังนั้นควรใส่ใจกับสัญญาณต่างๆ ที่เขาพยายามจะเตือนคุณ ไม่ละเลยกับอาการต่างๆที่เกิดขึ้น และปรับใจปรับความคิดให้พร้อมที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตให้วิถีที่พึ่งตนเอง ที่สุดแล้วหมอที่เก่งที่สุดก็คือ ตัวเราเอง ไม่มีใครรู้เรื่องราวของร่างกายเราได้ดีกว่าตัวเรา |
||
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก | ||