|
|
|
|
เดือนมิถุนายน มีเทศกาลไหนน่าเที่ยวบ้าง |
|
|
งานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม
สถานที่ บริเวณอุทยานแห่งชาติป่าหิน อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ
และอุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ
วันที่ 1 มิถุนายน - 31 สิงหาคม 2552
ขอเชิญทุกท่านสัมผัสกับ เทศกาลท่องเที่ยวแห่งความเป็นธรรมชาติ หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว
จังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
ขอเชิญทุกท่านร่วม หยิบหมอก หยอกดอกกระเจียว งานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม จังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2552
ในระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 31 สิงหาคม 2552 ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต และ อุทยานแห่งชาติไทรทอง
อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ
เป็นกิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่ใครหลายคนรอคอย ที่จะได้เดินทางมาเยือนดินแดนที่ เปรียบเป็นสวรรค์แห่งดอกไม้ความสวยงาม
ทุ่งหญ้าเพ็กสีเขียว และความสดใสของดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วง ที่ล้อสายหมอกหยอกสายลม ในช่วงหน้าฝนที่ใครหลายคนคิดว่า
เป็นฤดูที่แตกต่าง งานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม จังหวัดชัยภูมิ ประจำปี 2552 ที่จัดขึ้นตลอดเดือน
มิถุนายน เดือนสิงหาคม 2552 ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต และ อุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว
จังหวัดชัยภูมิ เป็นกิจกรรมที่จัดต้อนรับฤดูฝน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ ให้กับชุมชนในท้องที่
สามารถสร้างการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยว และผู้ที่สนใจทั่วไป ที่เดินทางมาเยือนดินแดนชัยภูมิ เกิดความประทับใจอย่างไม่รู้ลืม
กิจกรรมที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ ขบวนแห่กระเจียวคืนทุ่ง การแสดงดนตรีจากนักเรียนของอำเภอเทพสถิต การแข่งขันเดินเพื่อการกุศล
การแข่งขันแรลลี่ (โดยหอการค้าจังหวัดชัยภูมิ) การปีน-ไต่หน้าผา ผาก่อ-รัก
ชม สวนหินงามป่าหินล้านปี ที่มีการเปลี่ยนแปลง
ไปตามธรรมชาติปั้นแต่ง ตามแต่จะสุดจินตนาการ การแสดง และจำหน่ายสินค้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยภูมิ อีกทั้งทุ่งดอกกระเจียวสีขาว
สีเขียว และสีชมพูอมม่วง น้ำตกไทรทอง และ จุดชมวิวผาหำหด ของ อุทยานแห่งชาติไทรทอง
ก็เป็นอีกสถานที่ที่รอการมาเยือน ของนักท่องเที่ยวให้เดินทางท่องเที่ยวชัยภูมิครึกครื้น เศรษฐกิจชัยภูมิคึกคักทั่วเมือง
นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยภูมิ โทร. 0-4482-2502
องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ โทร. 0-4481-2098
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม โทร. 0-4489-0105
อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทร.08-9282-3437
ททท. สำนักงานนครราชสีมา โทรศัพท์ 0-4421-3666 / 0-4421-3030
ทุกวันในเวลาราชการ |
|
|
|
|
|
เทศกาลชิมกาแฟแก่งซอง ล่องแก่งลำน้ำเข็ก
มิถุนายน - ตุลาคม 2552
ณ ลำน้ำเข็ก อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวผู้รักการผจญภัย และความท้าทาย ร่วมค้นหาประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต กับการผจญภัยที่ตื่นเต้นเร้าใจ
ในกิจกรรม ชิมกาแฟแก่งซอง ล่องแก่งน้ำเข็ก ณ ลำน้ำเข็ก อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
กิจกรรม ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก มีความสนุกสนานท้าทาย และได้รับการยกย่อง จากบรรดานักท่องเที่ยวให้เป็นสายน้ำที่มี
ความสนุกสนาน ปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับการล่องแก่งที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากมีความสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินเท้าเข้าป่า
ไม่ต้องแบกหามเรือยาง ไม่ต้องเตรียมเสบียง การล่องแก่งลำน้ำเข็กจะเริ่มต้นจาก บริเวณบ้านทรัพย์ไพรวัลย์
ตำบลแก่งโสภา อำเภอวังทอง ล่องไปสู่บริเวณตอนบนของน้ำตกแก่งซอง ความพิเศษอยู่ที่จะเริ่มต้นจากกระแสน้ำนิ่ง (ระดับ 1)
และเข้าสู่ระดับน้ำที่มีความสนุกสนานท้าทายขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งถึงระดับสูงสุด (ระดับ 5) ในช่วงท้ายลำน้ำนี้ จะขนานไปกับ
ทางหลวงหมายเลข 12 (สายพิษณุโลก-หล่มสัก) รวมระยะทางในการล่องแก่งประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องแก่ง ประมาณ
3 ชั่วโมง กิจกรรมล่องแก่งลำน้ำเข็ก สามารถล่องแก่งได้ในช่วงฤดูฝน คือช่วง เดือนมิถุนายน - ตุลาคม ของทุกปี ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน
การล่องแก่งลำน้ำเข็ก เป็นกิจกรรมที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะได้รับฟังการแนะนำขั้นตอนต่างๆ รวมทั้งได้รับการ
ฝึกหัด การพาย การลอยตามกระแสน้ำ การขึ้น-ลง แพยาง และการรับฟังคำสั่งนายท้าย ก่อนการลงล่องแก่ง นักท่องเที่ยวจะต้องสวมใส่
อุปกรณ์ชูชีพ และหมวกนิรภัย ที่จะช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ นอกจากนี้ฝีฟายประจำเรือ คือ นายหัวและนายท้าย ยังได้ผ่านการ
อบรมหลักสูตรการล่องแก่งที่ได้มาตรฐานสากล Best practice จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากการล่องแก่งที่สนุกสนาน และท้าทายแล้ว นักท่องเที่ยวจะได้ชิม กาแฟแก่งซอง ซึ่งเป็นกาแฟท้องถิ่นพันธุ์
อราบิก้า ต้นตำรับแท้ๆ ที่มีความเข้ม เติมด้วยความมัน และหวานหอม ตามแบบฉบับ
กาแฟแก่งซอง ซึ่งเป็นกาแฟที่ปลูกอยู่ทั่วไปบริเวณตำบลแก่งโสภา
ซึ่งจะมีร้านจำหน่ายกาแฟสด บริเวณน้ำตกแก่งซองจำนวนมาก จึงมีชื่อเรียกติดปากว่า กาแฟแก่งซอง ปัจจุบันกาแฟแก่งซอง
เป็นที่ยอมรับของคอกาแฟ และผู้จำหน่ายกาแฟทั่วไปอย่างแพร่หลาย ซึ่งนิยมมารับซื้อไปขายในท้องถิ่นต่างๆ จำนวนมาก โดยอาจเปลี่ยนชื่อไปตามถิ่นที่จำหน่าย
อาทิ ตามเส้นทางสายเหนือ และสถานีบริการน้ำมันในภาคเหนือตลอดเส้นทางทั้งภาค รวมถึงแถบ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง
นักท่องเที่ยวที่มีความสนใจ และรักการผจญภัย ชื่นชอบความท้าทายตื่นเต้นเร้าใจ คงจะพลาดไม่ได้สำหรับการเป็นผู้พิชิตลำน้ำเข็กในครั้งหนึ่งของชีวิต
สอบถามข้อมูล
การล่องแก่งล้ำน้ำเข็ก เพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานพิษณุโลก
โทรศัพท์ 0-5525-2742-3 ทุกวัน (08.30-16.30 น.) |
|
|
|
|
|
งานประเพณีบุญหลวงการละเล่นผีตาโขน
วันที่ 26 - 28 มิถุนายน 2552
สถานที่ บริเวณวัดโพนชัยและหน้าที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
ผีตาโขน เป็นการละเล่นชนิดหนึ่งของคนอีสาน ผู้เล่นจะสวมหน้ากาก และแต่งตัวให้หน้ากลัว
แต่ไม่ใช่การเชิญผีมาเข้าทรง เป็นการเล่นตลกอย่างหนึ่ง ในอดีตคนอีสานนิยมเล่นผีตาโขนใน งานบุญบั้งไฟ
และ งานบุญผะเหวด(พระเวส) มาโดยตลอด เหตุที่มีขบวนแห่ ผีตาโขน เพราะมีความเชื่อว่า
เมื่อพระเจ้ากรุงสัญชัย กับพระนางผุสดี ไปเชิญ พระเวสสันดร และพระนางมัทรี กลับเมือง ขบวนแห่แหนเข้าเมือง มีคนป่า
หรือผีป่าที่เคยปรนนิบัติ และเคารพรักพระเวสสันดร ร่วมขบวนมาส่งด้วย
ผีตาโขน ในขบวนแห่จะแยกเป็น 2 ชนิดคือ ผีตาโขนใหญ่ และผีตาโขนเล็ก
ผีตาโขนใหญ่ ทำเป็นหุ่นรูปผีทำจากไม้ไผ่สาน มีขนาดใหญ่กว่าคนธรรมดาประมาณ 2 เท่า
ประดับตกแต่งรูปร่างหน้าตาด้วยเศษวัสดุ ที่หาได้ในท้องถิ่น เวลาแห่ คนเล่นจะต้องเข้าไปอยู่ข้างในตัวหุ่น
แต่ละปีจะทำผีตาโขนใหญ่เพียง 2 ตัว ผีตาโขนชาย 1 ตัว หญิง 1 ตัว
สังเกตจากเครื่องเพศปรากฏชัดเจนที่ตัวหุ่น ผู้มีหน้าที่ทำผีตาโขนใหญ่ จะมีเฉพาะกลุ่มเท่านั้น เพราะคนอื่นไม่มีสิทธิ์ทำต้อง
ได้รับอนุญาตจากผี หรือเจ้าก่อน ถ้าได้รับอนุญาตแล้วต้องทำทุกปีหรือทำติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปี
ผีตาโขนเล็ก ทุกคนไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ หญิงหรือชาย มีสิทธิ์ทำ และเข้าร่วมสนุกได้ทุกคน
แต่ผู้หญิงไม่ค่อยเข้าร่วมเพราะ เป็นการเล่นค่อนข้างผาดโผน และซุกซน หน้ากากผีตาโขน หน้ากากผีตาโขนเล็ก
ทำจากส่วนที่เป็นโคนของก้านมะพร้าว และหวดนึ่งข้าวเหนียว โดยนำมาเย็บติดกันแล้ว เขียนหน้าตา ทำจมูกเหมือนผี
ส่วนชุดแต่งกายของผี มักมีสีฉูดฉาดบาดตา โดยอาจเย็บเศษผ้าเป็น เสื้อตัวกางเกงตัว หรือเย็บเป็นชุดติดกัน ตลอดตัวก็ได้
ข้อสำคัญคือต้องคลุมร่างกายให้มิดชิด ส่วนเครื่องแต่งตัวประกอบที่เป็นเอกลักษณ์ของผีตาโขนคือ "หมากกะแหล่ง"และดาบไม้
หมากกะแหล่ง คือเครื่องดนตรีรูปร่างคล้ายกระดิ่ง หรือกระดึงแขวนคอวัว ผีตาโขนจะใช้ หมากกะแหล่งแขวนติดบั้นเอว
เมื่อเดินโยกตัว หรือเต้นเป็นจังหวะ ขย่มตัวสายสะโพกเสียงหมากกะแหล่งก็จะดังเสียงน่าฟังและน่าสนุกสนาน
ดาบไม้ เป็นอาวุธประจำกายผีตาโขน ไม่ได้เอาไว้รบกัน แต่เอาไว้ควงหลอกล่อ และไล่จิ้มก้นสาวๆ
ซึ่งก็จะร้องวิ๊ดว้ายหนีกันจ้าละหวั่น ทั้งอายทั้งขำ แต่ไม่มีใครถือสา เพราะเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา เหตุที่วิ่งหนี
เพราะปลายดาบนั้นแกะสลักเป็นรูปอวัยวะเพศชาย แถมทาสีแดงให้เห็นอย่างเด่นชัด การเล่นแบบนี้ไม่ถือเป็นเรื่องหยาบ
หรือลามก เพราะมีความเชื่อกันว่าหากเล่นตลก และนำอวัยวะเพศชายหญิงมาเล่นมาโชว์ในพิธีแห่ และงานบุญบั้งไฟ จะทำให้
พญาแถน พอใจฝนจะตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารจะอุดมสมบูรณ์
งานบุญหลวงประเพณีผีตาโขน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นประเพณีสำคัญ เพราะอยู่ในฮิด
สิบสองเดือน สี่งานบุญผะเหวด(พระเวส) แห่ผีตาโขนแม้จะมีเล่นในอีสานถิ่นอื่นบ้าง
แต่ที่วัดโพนชัย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เป็นที่รู้จัก และจะยังคงอยู่คู่กับ "พระธาตุศรีสองรัก" ตลอดไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย โทร. 0 4289 1266 |
|
|
|
|
|
งานวันสุนทรภู่
สถานที่ บริเวณ อนุสาวรีย์สุนทรภู่ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
วันที่ 25 26 มิถุนายน 2552
ประวัติความเป็นมา
พระสุนทรโวหาร เกิดที่บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง (ปัจจุบันเป็นสถานีรถไฟบางกอกน้อย)
บิดาชื่อ ภู่ เป็นชาวบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง มารดาเป็นข้าหลวงในพระราชวังหลัง บิดามารดาได้เลิกร้างตั้งแต่ท่านยังเป็นเด็ก
โดยที่บิดาท่านออกบวช ณ ที่ภูมิลำเนาเดิม ส่วนมารดาได้เข้าถวายตัวเป็น นางนมของพระธิดาในกรมพระราชวังหลัง
ท่านสุนทรภู่ได้รับการศึกษา ครั้งแรกที่พระราชวังหลัง และที่วัดชีปะขาว (ปัจจุบันคือ วัดศรีสุดาราม) เมื่ออายุประมาณ ๒๐ ปี
ได้ลอบรักกับหญิงชาววังชื่อ จันทร์ จนโดนจับได้จึงต้องโทษจำคุกอยู่ระยะหนึ่ง แต่ไม่นานท่านก็พ้นโทษ
เพราะความสามารถในทางบทกลอน เป็นที่พอพระราชหฤทัยของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ ๒)
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ท่านสุนทรภู่ได้เข้ารับราชการ ในกรมอาลักษณ์ ได้รับการแต่งตั้งเป็น
ขุนสุนทรโวหาร ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องโคลงกลอนต่างๆ ครั้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ (สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว)
เสด็จขึ้นครองราชย์ ถูกปลดออกจากราชการ เนื่องจากได้ดื่มสุราอย่างหนัก ท่านจึงออกบวช และจำพรรษา อยู่ที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ)
และได้เดินทางไปที่ต่างๆ ท่านจึงแต่งนิราศไว้มากมาย รวมอายุพรรษาที
ท่านบวชได้ ๑๐ พรรษา ท่านก็ลาสิกขาบท ชีวิตของท่านในช่วงนี้ลำบากมาก อยู่มาสักระยะหนึ่ง ท่านก็ได้บวชอีกครั้ง
แต่ก็บวชได้ ๒ พรรษา และได้ถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้าขุนอิศเรศรังสรรค์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่
ได้ขึ้นครองราชย์ทรงสถาปนาเจ้าฟ้า กรมขุนอดิศเรศรังสรรค์ เป็น พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่พระบวรราชวัง
ท่านสุนทรภู่ จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระสุนทรโวหาร ตำแหน่ง
เจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายบวรราชวัง ในปี พ.ศ. ๒๓๙๔ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๙๘
ท่านก็ถึงมรณกรรม รวมอายุได้ ๗๐ ปี ปัจจุบันแม้ท่านจะได้เสียชีวิตไปนานแล้ว แต่คุณประโยชน์ที่ท่านได้สร้าง ก็เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก
และชาวไทยเรา องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO ได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็น
บุคคลดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก ในวาระครบรอบ ๒๐๐ ปี
กิจกรรมภายในงาน
๑. จัดกิจกรรมเพื่อระลึกถึงความสามารถของท่านสุนทรภู่
๒. จัดการประกวดร้อยกรองประเภทต่าง ๆ เช่น โคลง นิราศ เป็นต้น
๓. จัดนิทรรศการเกียวกับผลงานของท่านสุนทรภู่
การประกวดขบวนรถแฟนซี ผีเสื้อสมุทร และสุดสาคร การแข่งทางวิชาการของนักเรียนโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดระยอง และการแสดงมหรสพอีกมากมาย |
|
|
|
|
|
|
|
|
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย |
|
|
|
|